LYRIC

เพลงนี้แปลไว้สองความหมาย 1. แปลตามเนื้อเพลง (เนื้อเพลงกล่าวถึงโรงแรมผีสิงที่อยู่ห่างไกลในแคลิฟอร์เนีย) 2. แปลตามนัยที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเพลง (กล่าวถึงการเสียดสีวงการเพลงในช่วงยุคสมัยนั้น) หากแปลผิดพลาดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

Eng - Thai

On a dark desert highway
บนทางหลวงท่ามกลางทะเลทรายในค่ำคืนอันมืดมิด (หนทางที่แสนทรหดในการออกเดินทางตามหาความฝัน)
Cool wind in my hair
ลมเย็นๆ พัดผ่านเส้นผมของฉัน
Warm smell of colitas
กลิ่นหอมของยอดกัญชา [อาจจะหมายถึงกลิ่นของพวกยาเสพติด หรือกลิ่นของลับของผู้หญิง (ศิลปินในยุคนั้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับยาเสพติด หรือผู้หญิง)]
Rising up through the air
โชยมาตามสายลม
Up ahead in the distance
มองไปยังที่ห่างไกลออกไป (มองหาความเจริญก้าวหน้า ชื่อเสียง ลาภยศ เงินทอง)
I saw a shimmering light
มองเห็นแสงไฟระยิบระยับ (เห็นค่ายเพลงอยู่ข้างหน้า)
My head grew heavy and my sight grew dim
ฉันรู้สึกมึนหัว และสายตาพร่ามัว (รู้สึกเหนื่อยล้า ไปต่อไปไม่ไหว)
I had to stop for the night
คงต้องหยุดพักก่อนสําหรับคืนนี้ (คงต้องเดินบนเส้นทางศิลปินนี้)

There she stood in the doorway
เธอยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู (เธอในที่นี้เปรียบเสมือนค่ายเพลงที่คอยมองหาศิลปินหน้าใหม่)
I heard the mission bell
ฉันได้ยินเสียงระฆังดังมาจากโบสถ์
And I was thinking to myself
และฉันก็คิดในใจ
‘This could be Heaven or this could be Hell”
“นี่มันคือสวรรค์หรือนรกกันแน่”
Then she lit up a candle
จากนั้นเธอก็จุดเทียน
And she showed me the way
และเดินนำฉันไป (ค่ายเพลงกำลังปั้นศิลปินหน้าใหม่)
There were voices down the corridor
มีเสียงดังมาตามทางเดิน (น่าจะเป็นเสียงของพวกศิลปินในค่าย)
I thought I heard them say
ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงพวกเขาพูดว่า

“Welcome to the Hotel California
“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย (ยินดีต้อนรับเข้าสู่ค่ายเพลงของเรา)
Such a lovely place (Such a lovely place)
เป็นสถานที่ๆ งดงาม (เป็นค่ายเพลงที่น่าอยู่)
Such a lovely face
สถานที่ๆ มีผู้คนที่ดูเป็นมิตร (ขายของเก่ง)
Plenty of room at the Hotel California
โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักมากมาย (มีห้องว่างให้ศิลปินหน้าใหม่มากมาย)
Any time of year (Any time of year)
ไม่ว่าจะวันเวลาไหนๆ
You can find it here”
คุณก็สามารถเข้ามาพักได้ตลอด” (คุณมาหาเราได้ตลอด พวกเราไม่ย้ายไปไหน)

Her mind is Tiffany-twisted
จิตใจเธอมัวเมาลุ่มหลงอยู่กับวัตถุนิยม (เสียดสีค่ายเพลงที่ไม่มีความจริงใจต่อศิลปิน)
She got the Mercedes bends, uh
หลงไหลในความฟุ้งเฟ้อหรูหรา (Mercedes bends เป็นศัพท์เเสลง ความหมายโดยนัยหมายถึงการที่ลุ่มหลงมัวเมาในของมีค่า ราคาแพง เงินทองต่างๆ)
She got a lot of pretty, pretty boys
เธอมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลามากมาย (ค่ายเพลงมีศิลปินมากหน้าหลายตา)
That she calls friends
แต่พวกเขาเป็นได้แค่เพื่อน (แต่ค่ายเพลงก็มองเหล่าศิลปินเป็นเเค่เด็กในสังกัดที่จะเรียกใช้ยังไง เมื่อไหร่ก็ได้)
How they dance in the courtyard
พวกเขาออกมาเต้นรำกันที่ลานกว้าง (พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินกับค่ายเพลง)
Sweet summer sweat
เนื้อตัวชุ่มเหงื่อต้อนรับฤดูร้อน (เหนื่อยล้าแค่ไหนก็ต้องทำ ยิ้มสู้ หากค่ายเพลงเรียกใช้ เพราะเซ็นสัญญาไปแล้ว)
Some dance to remember
ลีลาบางคนก็เต้นได้น่าจดจำ (มีทั้งความสัมพันธ์ที่ดี ที่น่าจดจำ)
Some dance to forget
บางคนก็เต้นจนน่าจะลืมๆ มันไป (มีทั้งความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ไม่น่าจดจำ)

So I called up the Captain
แล้วฉันก็เรียกพนักงาน
“Please bring me my wine”
“ขอไวน์ให้ฉันสักแก้วสิ”
He said, “We haven’t had that spirit here since 1969”
เขาบอกว่า “พวกเราไม่ขายเหล้าตั้งแต่ปี 1969 แล้ว” (พวกเราไม่หลงเหลือจิตวิญญาณของดนตรีตั้งแต่ปี 1969 แล้ว เพราะหลังจาก Concert WoodStock ในปีนั้น ดนตรีที่เคยมองว่าเป็นศิลปะ มีไว้เสพเพื่อความสุข ความสนุกสนาน กลับกลายเป็นดนตรีเพื่อการค้า เพื่อผลประโยชน์)
And still those voices are calling from far away
และเสียงพวกนั้นยังคงส่งเสียงร้องมาจากที่ไกลๆ
Wake you up in the middle of the night
ปลุกคุณให้ตื่นขึ้นมาในกลางดึก
Just to hear them say
เพื่อที่พวกมันจะบอกคุณว่า

“Welcome to the Hotel California
“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
Such a lovely place (Such a lovely place)
เป็นสถานที่ๆ งดงาม
Such a lovely face
สถานที่ๆ มีผู้คนที่ดูเป็นมิตร
They living it up at the Hotel California
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ (ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายเพลง)
What a nice surprise (What a nice surprise)
ช่างน่าประหลาดใจนัก
Bring your alibis”
ที่เธอใช้มันอ้างกับคุณได้”

Mirrors on the ceiling
เพดานประดับด้วยกระจก (กระจกเป็นเหมือนสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของเรา ในที่นี่อาจจะหมายถึงตัวตนศิลปิน)
The pink champagne on ice
มีแชมเปญสีชมพูใส่น้ำแข็ง (มีชื่อเสียง มีเงินทองที่ได้มาจากการเป็นศิลปิน)
And she said: “We are all just prisoners here of our own device”
และเธอก็บอกว่า “พวกเราเป็นเพียงนักโทษอยู่ที่นี่” (พวกเราเป็นเหมือนนักโทษอยู่กับเครื่องดนตรีของพวกเราเอง เนื่องจากในวงการเพลงช่วงยุคนั้น ไม่มีเพลงอะไรที่แปลกใหม่ออกมา มันเปรียบเหมือนกับวงการเพลงมันย่ำอยู่กับที่)
And in the master’s chambers
ในห้องโถงลับของโรงแรม
They gathered for the feast
พวกเขารวมตัวกันเฉลิมฉลอง (อาจจะหมายถึงรวมตัววางแผนกัน)
They stab it with their steely knives
พวกเขาแทงมันด้วยมีด (ช่วยกันทำลายค่ายเพลง)
But they just can’t kill the beast
แต่พวกเขาก็ฆ่าสัตว์ร้ายนั้นไม่ได้ (แต่ก็ทำอะไรค่ายเพลงไม่ได้)
Last thing I remember, I was
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้
Running for the door
ฉันกำลังวิ่งไปที่ประตู (หนีจากการเป็นศิลปินในค่ายเพลง)
I had to find the passage back
ฉันต้องหาทางออกให้ได้
To the place I was before
เพื่อไปยังที่ที่ฉันจากมา
“Relax,” said the night man
“ใจเย็นๆ” ชายคนหนึ่งในความมืดบอก
“We are programmed to receive
พวกเราถูกสั่งมาให้รับคนเข้าได้อย่างเดียว (เซ็นสัญญาเข้าง่าย แต่ออกยาก)
You can check out any time you like
คุณเช็คเอ้าท์ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ (คุณอยากจะออกจากวงการนี้เมื่อไหร่ก็ได้)
But you can never leave!”
แต่คุณออกไปไม่ได้” (แต่คุณไม่สามารถหนีมันไปได้ เปรียบเสมือนเมื่อคุณเข้าวงการมาแล้ว มีเงินทอง มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของคนมากมาย คุณไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนปรกติธรรมดาได้อีกแล้ว)

Eng

On a dark desert highway
Cool wind in my hair
Warm smell of colitas
Rising up through the air
Up ahead in the distance
I saw a shimmering light
My head grew heavy and my sight grew dim
I had to stop for the night

There she stood in the doorway
I heard the mission bell
And I was thinking to myself
“This could be Heaven or this could be Hell”
Then she lit up a candle
And she showed me the way
There were voices down the corridor
I thought I heard them say

“Welcome to the Hotel California
Such a lovely place (Such a lovely place)
Such a lovely face
Plenty of room at the Hotel California
Any time of year (Any time of year)
You can find it here”

Her mind is Tiffany-twisted
She got the Mercedes bends, uh
She got a lot of pretty, pretty boys
That she calls friends
How they dance in the courtyard
Sweet summer sweat
Some dance to remember
Some dance to forget

So I called up the Captain
“Please bring me my wine”
He said, “We haven’t had that spirit here since 1969”
And still those voices are calling from far away
Wake you up in the middle of the night
Just to hear them say

“Welcome to the Hotel California
Such a lovely place (Such a lovely place)
Such a lovely face
They living it up at the Hotel California
What a nice surprise (What a nice surprise)
Bring your alibis”

Mirrors on the ceiling
The pink champagne on ice
And she said: “We are all just prisoners here of our own device”
And in the master’s chambers
They gathered for the feast
They stab it with their steely knives
But they just can’t kill the beast
Last thing I remember, I was
Running for the door
I had to find the passage back
To the place I was before
“Relax,” said the night man
“We are programmed to receive
You can check out any time you like
But you can never leave!”

Thai

บนทางหลวงท่ามกลางทะเลทรายในค่ำคืนอันมืดมิด (หนทางที่แสนทรหดในการออกเดินทางตามหาความฝัน)
ลมเย็นๆ พัดผ่านเส้นผมของฉัน
กลิ่นหอมของยอดกัญชา [อาจจะหมายถึงกลิ่นของพวกยาเสพติด หรือกลิ่นของลับของผู้หญิง (ศิลปินในยุคนั้นส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับยาเสพติด หรือผู้หญิง)]
โชยมาตามสายลม
มองไปยังที่ห่างไกลออกไป (มองหาความเจริญก้าวหน้า ชื่อเสียง ลาภยศ เงินทอง)
มองเห็นแสงไฟระยิบระยับ (เห็นค่ายเพลงอยู่ข้างหน้า)
ฉันรู้สึกมึนหัว และสายตาพร่ามัว (รู้สึกเหนื่อยล้า ไปต่อไปไม่ไหว)
คงต้องหยุดพักก่อนสําหรับคืนนี้ (คงต้องเดินบนเส้นทางศิลปินนี้)

เธอยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู (เธอในที่นี้เปรียบเสมือนค่ายเพลงที่คอยมองหาศิลปินหน้าใหม่)
ฉันได้ยินเสียงระฆังดังมาจากโบสถ์
และฉันก็คิดในใจ
“นี่มันคือสวรรค์หรือนรกกันแน่”
จากนั้นเธอก็จุดเทียน
และเดินนำฉันไป (ค่ายเพลงกำลังปั้นศิลปินหน้าใหม่)
มีเสียงดังมาตามทางเดิน (น่าจะเป็นเสียงของพวกศิลปินในค่าย)
ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงพวกเขาพูดว่า

“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย (ยินดีต้อนรับเข้าสู่ค่ายเพลงของเรา)
เป็นสถานที่ๆ งดงาม (เป็นค่ายเพลงที่น่าอยู่)
สถานที่ๆ มีผู้คนที่ดูเป็นมิตร (ขายของเก่ง)
โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักมากมาย (มีห้องว่างให้ศิลปินหน้าใหม่มากมาย)
ไม่ว่าจะวันเวลาไหนๆ
คุณก็สามารถเข้ามาพักได้ตลอด” (คุณมาหาเราได้ตลอด พวกเราไม่ย้ายไปไหน)

จิตใจเธอมัวเมาลุ่มหลงอยู่กับวัตถุนิยม (เสียดสีค่ายเพลงที่ไม่มีความจริงใจต่อศิลปิน)
หลงไหลในความฟุ้งเฟ้อหรูหรา (Mercedes bends เป็นศัพท์เเสลง ความหมายโดยนัยหมายถึงการที่ลุ่มหลงมัวเมาในของมีค่า ราคาแพง เงินทองต่างๆ)
เธอมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลามากมาย (ค่ายเพลงมีศิลปินมากหน้าหลายตา)
แต่พวกเขาเป็นได้แค่เพื่อน (แต่ค่ายเพลงก็มองเหล่าศิลปินเป็นเเค่เด็กในสังกัดที่จะเรียกใช้ยังไง เมื่อไหร่ก็ได้)
พวกเขาออกมาเต้นรำกันที่ลานกว้าง (พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินกับค่ายเพลง)
เนื้อตัวชุ่มเหงื่อต้อนรับฤดูร้อน (เหนื่อยล้าแค่ไหนก็ต้องทำ ยิ้มสู้ หากค่ายเพลงเรียกใช้ เพราะเซ็นสัญญาไปแล้ว)
ลีลาบางคนก็เต้นได้น่าจดจำ (มีทั้งความสัมพันธ์ที่ดี ที่น่าจดจำ)
บางคนก็เต้นจนน่าจะลืมๆ มันไป (มีทั้งความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ไม่น่าจดจำ)

แล้วฉันก็เรียกพนักงาน
“ขอไวน์ให้ฉันสักแก้วสิ”
เขาบอกว่า “พวกเราไม่ขายเหล้าตั้งแต่ปี 1969 แล้ว” (พวกเราไม่หลงเหลือจิตวิญญาณของดนตรีตั้งแต่ปี 1969 แล้ว เพราะหลังจาก Concert WoodStock ในปีนั้น ดนตรีที่เคยมองว่าเป็นศิลปะ มีไว้เสพเพื่อความสุข ความสนุกสนาน กลับกลายเป็นดนตรีเพื่อการค้า เพื่อผลประโยชน์)
และเสียงพวกนั้นยังคงส่งเสียงร้องมาจากที่ไกลๆ
ปลุกคุณให้ตื่นขึ้นมาในกลางดึก
เพื่อที่พวกมันจะบอกคุณว่า

“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
เป็นสถานที่ๆ งดงาม
สถานที่ๆ มีผู้คนที่ดูเป็นมิตร
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ (ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายเพลง)
ช่างน่าประหลาดใจนัก
ที่เธอใช้มันอ้างกับคุณได้”

เพดานประดับด้วยกระจก (กระจกเป็นเหมือนสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของเรา ในที่นี่อาจจะหมายถึงตัวตนศิลปิน)
มีแชมเปญสีชมพูใส่น้ำแข็ง (มีชื่อเสียง มีเงินทองที่ได้มาจากการเป็นศิลปิน)
และเธอก็บอกว่า “พวกเราเป็นเพียงนักโทษอยู่ที่นี่” (พวกเราเป็นเหมือนนักโทษอยู่กับเครื่องดนตรีของพวกเราเอง เนื่องจากในวงการเพลงช่วงยุคนั้น ไม่มีเพลงอะไรที่แปลกใหม่ออกมา มันเปรียบเหมือนกับวงการเพลงมันย่ำอยู่กับที่)
ในห้องโถงลับของโรงแรม
พวกเขารวมตัวกันเฉลิมฉลอง (อาจจะหมายถึงรวมตัววางแผนกัน)
พวกเขาแทงมันด้วยมีด (ช่วยกันทำลายค่ายเพลง)
แต่พวกเขาก็ฆ่าสัตว์ร้ายนั้นไม่ได้ (แต่ก็ทำอะไรค่ายเพลงไม่ได้)
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้
ฉันกำลังวิ่งไปที่ประตู (หนีจากการเป็นศิลปินในค่ายเพลง)
ฉันต้องหาทางออกให้ได้
เพื่อไปยังที่ที่ฉันจากมา
“ใจเย็นๆ” ชายคนหนึ่งในความมืดบอก
“พวกเราถูกสั่งมาให้รับคนเข้าได้อย่างเดียว (เซ็นสัญญาเข้าง่าย แต่ออกยาก)
คุณเช็คเอ้าท์ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ (คุณอยากจะออกจากวงการนี้เมื่อไหร่ก็ได้)
แต่คุณออกไปไม่ได้” (แต่คุณไม่สามารถหนีมันไปได้ เปรียบเสมือนเมื่อคุณเข้าวงการมาแล้ว มีเงินทอง มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของคนมากมาย คุณไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนปรกติธรรมดาได้อีกแล้ว)

ให้คะแนนสำหรับคำแปลเพลงนี้

คะแนนเฉลี่ย 4.9 คะแนน, จำนวนคนโหวต 17 คน

กดโหวตคนแรกเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้แปล

เขียนข้อเสนอแนะของท่านเพื่อให้เราทำการแก้ไข และปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

Comments are off this post

💙 หมวดหมู่

แปลเพลงสากล ยุค 50 แปลเพลงสากล ยุค 60 แปลเพลงสากล ยุค 70 แปลเพลงสากล ยุค 80 แปลเพลงสากล ยุค 90 แปลเพลงสากล ยุค 2000+ เพลงรักสากลแปลไทย เพลงสากลอกหักแปลไทย เนื้อเพลงสากลแปลไทย