LYRIC

Eng - Thai


Circles in the sky
วงกลมบนท้องฟ้า (เปรียบถึงการวนเวียนหรือเส้นทางชีวิตที่ไม่สิ้นสุด)
White as paper fly
ขาวเหมือนกระดาษปลิวว่อน (สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความอ่อนโยน)
Sound of seagulls crying fills the air
เสียงนกนางนวลร้องดังไปทั่ว (เป็นฉากหลังที่ให้ความรู้สึกเหงาและเปิดโล่ง)
High above the lonely one is there
สูงขึ้นไปมีใครบางคนที่โดดเดี่ยวอยู่ (สื่อถึงการแยกตัวหรือค้นหาความหมายบางอย่างในที่ห่างไกล)

Jonathan he cares
โจนาธาน เขาใส่ใจ (แม้เขาจะดูโดดเดี่ยว แต่เขายังมีความรู้สึก มีหัวใจ และ ใส่ใจสิ่งรอบตัว)
To feel better
เพื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น (เป็นเป้าหมายหนึ่งของเขา เขาบินออกไป เพราะอยากเยียวยาบางอย่างในตัวเอง อาจเป็นความเศร้า ความผิดหวัง หรือข้อจำกัดที่สังคมตีกรอบไว้)
Like the passing wind
เหมือนสายลมที่พัดผ่าน (สื่อว่าเขาอยากรู้สึกเป็น “ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ” มากกว่าถูกกักไว้ในกรอบ)
Swooping down again
โฉบกลับลงมาอีกครั้ง (อาจสื่อถึงการกลับมาเผชิญความจริงหรือความท้าทายเดิม ๆ)

Waitin’ for the sun to turn to night
รอให้พระอาทิตย์ลับฟ้าเปลี่ยนเป็นยามราตรี (เป็นการรอคอยการเปลี่ยนผ่านอย่างสงบ)
Find him miles away in endless flight
จะพบเจอเขาได้ในที่ไกลออกไป (เขาออกเดินทางไปไกลมากแล้ว ทั้งในแง่ของ “ระยะทาง” และ “ระดับความคิด” อาจจะหมายถึงเขาก้าวล้ำจากสังคม กรอบเดิม หรือแม้แต่ตัวตนเก่า ๆ ของเขาเอง)
Longing to be free
ปรารถนาที่จะเป็นอิสระ
Telling you and me
ส่งข้อความนี้ถึงฉันและคุณ (เป็นการสะท้อนถึงเราให้หันมาทบทวนชีวิตตัวเอง)

Give me wings to fly
ขอปีกให้ฉันบินได้ที (สื่อถึงความปรารถนาที่อยากจะหลุดพ้น)
Tell me why, tell me why
ช่วยบอกทีว่าทำไม ทำไมกัน (การตั้งคำถามต่อโลก ต่อชีวิต)
The answer must be heard
คำตอบนี้ต้องมีคนฟังบ้าง (เหมือนเป็นเสียงร้องจากใจที่อยากให้ใครเข้าใจ)
And from a lonely bird
และจากนกตัวหนึ่งที่เดียวดาย (ตัวแทนของโจนาธาน หรือทุกคนที่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว)

He’s giving us a reason to believe
เขาทำให้เรามีความหวังอีกครั้ง (เขาให้แรงบันดาลใจ ให้ความเชื่อมั่นแก่เรา การใช้ชีวิตอย่างอิสระ ศรัทธา และกล้าค้นหา คือสิ่งที่ควรค่าแก่การเชื่อมั่น)
See the painted silver sunlight on his wing
เห็นแสงอาทิตย์สีเงินที่แต่งแต้มอยู่บนปีกของเขา (อาจหมายถึงการที่เขาอยู่ในภาวะสงบงาม มีเสรีภาพ และกลมกลืนกับธรรมชาติ)
As he sails upon the wind and slowly skyward
เมื่อเขาลอยไปตามสายลมและค่อย ๆ ลอยขึ้นฟ้า (เหมือนกำลังล่องลอยไปตามจังหวะของลม เป็นสัญลักษณ์ของคนที่ ปล่อยชีวิตให้ไหลไปอย่างอ่อนโยน ไม่ฝืน ไม่ต้าน คำว่า “skyward” ยังสื่อถึงการ “พัฒนา ยกระดับ” หรือ “ไปสู่เป้าหมายสูงสุด”)
Flying as to music you can hear him sing
เขาบินราวกับขับขานทำนองเพลงที่คุณได้ยิน (เขาไม่ได้แค่บิน แต่บินอย่าง “มีจังหวะ มีท่วงทำนอง” สื่อว่า Jonathan ได้ เชื่อมชีวิตเข้ากับความงามบางอย่าง คล้ายศิลปินที่บินอย่างมีศรัทธา และเสียงของเขา ไม่ใช่แค่เสียง แต่มันคือ “เพลง” ที่สัมผัสได้ด้วยใจ)

Like the windsong on the breeze he seems to sigh
เหมือนบทเพลงของสายลม เขาถอนหายใจเบา ๆ (Jonathan ไม่ได้ “ถอนหายใจ” แบบหมดหวัง แต่เป็นการ “ถอนหายใจอย่างสงบ” แบบที่คนเข้าใจโลกและปล่อยให้เป็นไป เพราะ เขาเข้าใจชีวิต และปล่อยวางได้แล้ว)
Give me wings to fly
ขอปีกให้ฉันบินได้ที (กลับมาย้ำความปรารถนาเดิม)
Tell me why, tell me why
ช่วยบอกฉันทีว่าทำไม ทำไมกัน (ยังคงค้นหาคำตอบจากใจ)
The answer must be heard
คำตอบนั้นต้องมีใครสักคนได้ยิน (ความหวังว่าสิ่งที่เรารู้สึกจะไม่สูญเปล่า)

And from a lonely bird
และจากนกที่เดียวดายตัวนั้น (เสียงจากผู้โดดเดี่ยวที่เปี่ยมด้วยความหวัง)
He’s showing us the way we can be free
เขากำลังแสดงให้เราเห็นทางสู่เสรีภาพ (แรงบันดาลใจที่แท้จริงให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง)

Eng


Circles in the sky
White as paper fly
Sound of seagulls crying fills the air
High above the lonely one is there

Jonathan he cares
To feel better
Like the passing wind
Swooping down again

Waitin’ for the sun to turn to night
Find him miles away in endless flight
Longing to be free
Telling you and me

Give me wings to fly
Tell me why, tell me why
The answer must be heard
And from a lonely bird

He’s giving us a reason to believe
See the painted silver sunlight on his wing
As he sails upon the wind and slowly skyward
Flying as to music you can hear him sing

Like the windsong on the breeze he seems to sigh
Give me wings to fly
Tell me why, tell me why
The answer must be heard

And from a lonely bird
He’s showing us the way we can be free

Thai


วงกลมบนท้องฟ้า (เปรียบถึงการวนเวียนหรือเส้นทางชีวิตที่ไม่สิ้นสุด)
ขาวเหมือนกระดาษปลิวว่อน (สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความอ่อนโยน)
เสียงนกนางนวลร้องดังไปทั่ว (เป็นฉากหลังที่ให้ความรู้สึกเหงาและเปิดโล่ง)
สูงขึ้นไปมีใครบางคนที่โดดเดี่ยวอยู่ (สื่อถึงการแยกตัวหรือค้นหาความหมายบางอย่างในที่ห่างไกล)

โจนาธาน เขาใส่ใจ (แม้เขาจะดูโดดเดี่ยว แต่เขายังมีความรู้สึก มีหัวใจ และ ใส่ใจสิ่งรอบตัว)
เพื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น (เป็นเป้าหมายหนึ่งของเขา เขาบินออกไป เพราะอยากเยียวยาบางอย่างในตัวเอง อาจเป็นความเศร้า ความผิดหวัง หรือข้อจำกัดที่สังคมตีกรอบไว้)
เหมือนสายลมที่พัดผ่าน (สื่อว่าเขาอยากรู้สึกเป็น “ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ” มากกว่าถูกกักไว้ในกรอบ)
โฉบกลับลงมาอีกครั้ง (อาจสื่อถึงการกลับมาเผชิญความจริงหรือความท้าทายเดิม ๆ)

รอให้พระอาทิตย์ลับฟ้าเปลี่ยนเป็นยามราตรี (เป็นการรอคอยการเปลี่ยนผ่านอย่างสงบ)
จะพบเจอเขาได้ในที่ไกลออกไป (เขาออกเดินทางไปไกลมากแล้ว ทั้งในแง่ของ “ระยะทาง” และ “ระดับความคิด” อาจจะหมายถึงเขาก้าวล้ำจากสังคม กรอบเดิม หรือแม้แต่ตัวตนเก่า ๆ ของเขาเอง)
ปรารถนาที่จะเป็นอิสระ
ส่งข้อความนี้ถึงฉันและคุณ (เป็นการสะท้อนถึงเราให้หันมาทบทวนชีวิตตัวเอง)

ขอปีกให้ฉันบินได้ที (สื่อถึงความปรารถนาที่อยากจะหลุดพ้น)
ช่วยบอกทีว่าทำไม ทำไมกัน (การตั้งคำถามต่อโลก ต่อชีวิต)
คำตอบนี้ต้องมีคนฟังบ้าง (เหมือนเป็นเสียงร้องจากใจที่อยากให้ใครเข้าใจ)
และจากนกตัวหนึ่งที่เดียวดาย (ตัวแทนของโจนาธาน หรือทุกคนที่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว)

เขาทำให้เรามีความหวังอีกครั้ง (เขาให้แรงบันดาลใจ ให้ความเชื่อมั่นแก่เรา การใช้ชีวิตอย่างอิสระ ศรัทธา และกล้าค้นหา คือสิ่งที่ควรค่าแก่การเชื่อมั่น)
เห็นแสงอาทิตย์สีเงินที่แต่งแต้มอยู่บนปีกของเขา (อาจหมายถึงการที่เขาอยู่ในภาวะสงบงาม มีเสรีภาพ และกลมกลืนกับธรรมชาติ)
เมื่อเขาลอยไปตามสายลมและค่อย ๆ ลอยขึ้นฟ้า (เหมือนกำลังล่องลอยไปตามจังหวะของลม เป็นสัญลักษณ์ของคนที่ ปล่อยชีวิตให้ไหลไปอย่างอ่อนโยน ไม่ฝืน ไม่ต้าน คำว่า “skyward” ยังสื่อถึงการ “พัฒนา ยกระดับ” หรือ “ไปสู่เป้าหมายสูงสุด”)
เขาบินราวกับขับขานทำนองเพลงที่คุณได้ยิน (เขาไม่ได้แค่บิน แต่บินอย่าง “มีจังหวะ มีท่วงทำนอง” สื่อว่า Jonathan ได้ เชื่อมชีวิตเข้ากับความงามบางอย่าง คล้ายศิลปินที่บินอย่างมีศรัทธา และเสียงของเขา ไม่ใช่แค่เสียง แต่มันคือ “เพลง” ที่สัมผัสได้ด้วยใจ)

เหมือนบทเพลงของสายลม เขาถอนหายใจเบา ๆ (Jonathan ไม่ได้ “ถอนหายใจ” แบบหมดหวัง แต่เป็นการ “ถอนหายใจอย่างสงบ” แบบที่คนเข้าใจโลกและปล่อยให้เป็นไป เพราะ เขาเข้าใจชีวิต และปล่อยวางได้แล้ว)
ขอปีกให้ฉันบินได้ที (กลับมาย้ำความปรารถนาเดิม)
ช่วยบอกฉันทีว่าทำไม ทำไมกัน (ยังคงค้นหาคำตอบจากใจ)
คำตอบนั้นต้องมีใครสักคนได้ยิน (ความหวังว่าสิ่งที่เรารู้สึกจะไม่สูญเปล่า)

และจากนกที่เดียวดายตัวนั้น (เสียงจากผู้โดดเดี่ยวที่เปี่ยมด้วยความหวัง)
เขากำลังแสดงให้เราเห็นทางสู่เสรีภาพ (แรงบันดาลใจที่แท้จริงให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง)



เพลง Jonathan ได้แรงบันดาลใจจากนิยาย Jonathan Livingston Seagull เป็นการ หยิบแนวคิดเรื่อง “อิสรภาพจากภายใน” มาเล่าใหม่ผ่านดนตรี Jonathan เปรียบเสมือนตัวแทนของคนที่กล้าแตกต่าง ออกเดินทางตามหาความหมายของชีวิตด้วยหัวใจที่โหยหาอิสรภาพ แม้จะต้องบินเพียงลำพัง เขากลับเป็นแรงบันดาลใจให้เรากล้าตั้งคำถามกับชีวิต และเชื่อมั่นในทางเลือกของตัวเอง เพลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการบิน แต่คือการ “ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ โดยไม่ลืมที่จะฟังเสียงในใจตัวเอง”

ให้คะแนนสำหรับคำแปลเพลงนี้

คะแนนเฉลี่ย 5 คะแนน, จำนวนคนโหวต 3 คน

กดโหวตคนแรกเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้แปล

เขียนติชม ข้อเสนอแนะของท่านเพื่อให้เราทำการแก้ไข และปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

Comments are off this post

💙 หมวดหมู่

แปลเพลงสากล ยุค 50 แปลเพลงสากล ยุค 60 แปลเพลงสากล ยุค 70 แปลเพลงสากล ยุค 80 แปลเพลงสากล ยุค 90 แปลเพลงสากล ยุค 2000+ เพลงรักสากลแปลไทย เพลงสากลอกหักแปลไทย เนื้อเพลงสากลแปลไทย