LYRIC
Eng - Thai
The wall on which the prophets wrote
กำแพงที่ศาสดาได้จารึกคำสอนเอาไว้
Is cracking at the seams
มันกำลังแตกร้าวตามรอยต่อ
Upon the instruments of death
เมื่ออาวุธนิวเคลียร์ทำลายล้าง
The sunlight brightly gleams
ระเบิดทำลายส่องแสงจ้า
When every man is torn apart
เมื่อเราทุกคนตายพรากจากกัน
With nightmares and with dreams
ด้วยฝันร้าย และด้วยความฝัน (ความฝันของนักการเมืองบางกลุ่มที่หลงใหลในอำนาจ)
Will no one lay the laurel wreath
จะไม่มีใครได้อยู่เพื่อไว้อาลัย (หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ ทุกคนจะตายกันหมด)
When silence drowns the screams
เมื่อความเงียบงันเข้ามากลบเสียงกรีดร้อง (หลังจากเกิดสงครามนิวเคลียร์ หากว่าโชคดีจะได้ตายโดยไม่รู้สึกตัว หากโชคร้ายจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมานจากบาดแผล และกัมมันตรังสี จึงเป็นที่มาของเสียงกรีดร้อง และท้ายที่สุด ความเงียบจะเข้ามาแทนที่เมื่อทุกคนตายไปหมดแล้ว)
Confusion will be my epitaph
ความปั่นป่วนจะเป็นจารึกบนหลุมศพของฉัน
As I crawl a cracked and broken path
ขณะที่ฉันคลานอยู่บนเส้นทางที่แตกร้าว และพังทลาย
If we make it we can all sit back and laugh
หากว่าเราผ่านพ้นมันไป เราจะนั่งหัวเราะกันได้ (หากว่าไม่มีสงครามนิวเคลียร์ เราคงจะมีชีวิตที่มีความสุขกันได้)
But I fear tomorrow I’ll be crying
แต่ฉันกลัวว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าอนาคตฉันจะต้องร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าจากนี้ไปฉันจะต้องร้องไห้
Between the iron gates of fate
ระหว่างประตูเหล็กแห่งโชคชะตา (ประตูเหล็กแห่งโชคชะตาในที่นี้น่าจะสื่อถึงระบบคอมมิวนิสต์ ระบบเผด็จการที่ทุกคนไม่อาจขัดขืนได้)
The seeds of time were sown
เมล็ดพันธุ์แห่งกาลเวลาถูกหว่านเอาไว้ (ทุกความบาดหมาง ความไม่ลงรอยกัน ความโลภในอำนาจของชาติต่างๆ ถูกบ่มเพาะไว้รอวันปะทุ)
And watered by the deeds of those
และรดน้ำโดยการน้ำมือของคนเหล่านั้น (คนเหล่านั้นน่าจะสื่อถึงกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจสั่งยิงระเบิดนิวเคลียร์ได้)
Who know and who are known
ใครรู้ มีใครบ้างที่รู้
Knowledge is a deadly friend
ความรู้คือเพื่อนตาย (เดาว่าความรู้ในที่นี้น่าจะหมายถึงสมการ E=mc² ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แม้ทุกคนจะตายกันหมด แต่ความรู้ยังคงอยู่เสมอ)
If no one sets the rules
หากไม่มีใครตั้งกฎเอาไว้ (หากไม่มีกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันในสังคม โลกนี้น่าจะพังทลายด้วยน้ำมือมนุษย์ แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายที่ถูกบัญญัติไว้ชัดเชน เเต่มีก็เหมือนไม่มี)
The fate of all mankind I see
ชะตากรรมของมนุษย์ที่ฉันเห็น
Is in the hands of fools
ตกอยู่ในกำมือของคนโง่เขลาเบาปัญญา (เหมือนสถานการณ์บ้านเมืองไทยในปัจจุบัน)
The wall on which the prophets wrote
กำแพงที่ศาสดาได้จารึกคำสอนเอาไว้
Is cracking at the seams
มันกำลังแตกร้าวตามรอยต่อ
Upon the instruments of death
เมื่ออาวุธนิวเคลียร์ทำลายล้าง
The sunlight brightly gleams
ระเบิดทำลายส่องแสงจ้า
When every man is torn apart
เมื่อเราทุกคนตายพรากจากกัน
With nightmares and with dreams
ด้วยฝันร้าย และด้วยความฝัน
Will no one lay the laurel wreath
จะไม่มีใครได้อยู่เพื่อไว้อาลัย
When silence drowns the screams
เมื่อความเงียบงันเข้ามากลบเสียงกรีดร้อง
Confusion will be my epitaph
ความปั่นป่วนจะเป็นจารึกบนหลุมศพของฉัน
As I crawl a cracked and broken path
ขณะที่ฉันคลานอยู่บนเส้นทางที่แตกร้าว และพังทลาย
If we make it we can all sit back and laugh
หากว่าเราผ่านพ้นมันไป เราจะนั่งหัวเราะกันได้
But I fear tomorrow I’ll be crying
แต่ฉันกลัวว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าอนาคตฉันจะต้องร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าจากนี้ไปฉันจะต้องร้องไห้
Crying
ร้องไห้
Crying
ร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าอนาคตฉันจะต้องร้องไห้
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
ใช่ ฉันกลัวว่าจากนี้ไปฉันจะต้องร้องไห้
Crying
ร้องไห้
Eng
The wall on which the prophets wrote
Is cracking at the seams
Upon the instruments of death
The sunlight brightly gleams
When every man is torn apart
With nightmares and with dreams
Will no one lay the laurel wreath
When silence drowns the screams
Confusion will be my epitaph
As I crawl a cracked and broken path
If we make it we can all sit back and laugh
But I fear tomorrow I’ll be crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Between the iron gates of fate
The seeds of time were sown
And watered by the deeds of those
Who know and who are known
Knowledge is a deadly friend
If no one sets the rules
The fate of all mankind I see
Is in the hands of fools
The wall on which the prophets wrote
Is cracking at the seams
Upon the instruments of death
The sunlight brightly gleams
When every man is torn apart
With nightmares and with dreams
Will no one lay the laurel wreath
When silence drowns the screams
Confusion will be my epitaph
As I crawl a cracked and broken path
If we make it we can all sit back and laugh
But I fear tomorrow I’ll be crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Crying
Crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Yes I fear tomorrow I’ll be crying
Crying
Thai
กำแพงที่ศาสดาได้จารึกคำสอนเอาไว้
มันกำลังแตกร้าวตามรอยต่อ
เมื่ออาวุธนิวเคลียร์ทำลายล้าง
ระเบิดทำลายส่องแสงจ้า
เมื่อเราทุกคนตายพรากจากกัน
ด้วยฝันร้าย และด้วยความฝัน (ความฝันของนักการเมืองบางกลุ่มที่หลงใหลในอำนาจ)
จะไม่มีใครได้อยู่เพื่อไว้อาลัย (หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ ทุกคนจะตายกันหมด)
เมื่อความเงียบงันเข้ามากลบเสียงกรีดร้อง (หลังจากเกิดสงครามนิวเคลียร์ หากว่าโชคดีจะได้ตายโดยไม่รู้สึกตัว หากโชคร้ายจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมานจากบาดแผล และกัมมันตรังสี จึงเป็นที่มาของเสียงกรีดร้อง และท้ายที่สุด ความเงียบจะเข้ามาแทนที่เมื่อทุกคนตายไปหมดแล้ว)
ความปั่นป่วนจะเป็นจารึกบนหลุมศพของฉัน
ขณะที่ฉันคลานอยู่บนเส้นทางที่แตกร้าว และพังทลาย
หากว่าเราผ่านพ้นมันไป เราจะนั่งหัวเราะกันได้ (หากว่าไม่มีสงครามนิวเคลียร์ เราคงจะมีชีวิตที่มีความสุขกันได้)
แต่ฉันกลัวว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าอนาคตฉันจะต้องร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าจากนี้ไปฉันจะต้องร้องไห้
ระหว่างประตูเหล็กแห่งโชคชะตา (ประตูเหล็กแห่งโชคชะตาในที่นี้น่าจะสื่อถึงระบบคอมมิวนิสต์ ระบบเผด็จการที่ทุกคนไม่อาจขัดขืนได้)
เมล็ดพันธุ์แห่งกาลเวลาถูกหว่านเอาไว้ (ทุกความบาดหมาง ความไม่ลงรอยกัน ความโลภในอำนาจของชาติต่างๆ ถูกบ่มเพาะไว้รอวันปะทุ)
และรดน้ำโดยการน้ำมือของคนเหล่านั้น (คนเหล่านั้นน่าจะสื่อถึงกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจสั่งยิงระเบิดนิวเคลียร์ได้)
ใครรู้ มีใครบ้างที่รู้
ความรู้คือเพื่อนตาย (เดาว่าความรู้ในที่นี้น่าจะหมายถึงสมการ E=mc² ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แม้ทุกคนจะตายกันหมด แต่ความรู้ยังคงอยู่เสมอ)
หากไม่มีใครตั้งกฎเอาไว้ (หากไม่มีกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันในสังคม โลกนี้น่าจะพังทลายด้วยน้ำมือมนุษย์ แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายที่ถูกบัญญัติไว้ชัดเชน เเต่มีก็เหมือนไม่มี)
ชะตากรรมของมนุษย์ที่ฉันเห็น
ตกอยู่ในกำมือของคนโง่เขลาเบาปัญญา (เหมือนสถานการณ์บ้านเมืองไทยในปัจจุบัน)
กำแพงที่ศาสดาได้จารึกคำสอนเอาไว้
มันกำลังแตกร้าวตามรอยต่อ
เมื่ออาวุธนิวเคลียร์ทำลายล้าง
ระเบิดทำลายส่องแสงจ้า
เมื่อเราทุกคนตายพรากจากกัน
ด้วยฝันร้าย และด้วยความฝัน
จะไม่มีใครได้อยู่เพื่อไว้อาลัย
เมื่อความเงียบงันเข้ามากลบเสียงกรีดร้อง
ความปั่นป่วนจะเป็นจารึกบนหลุมศพของฉัน
ขณะที่ฉันคลานอยู่บนเส้นทางที่แตกร้าว และพังทลาย
หากว่าเราผ่านพ้นมันไป เราจะนั่งหัวเราะกันได้
แต่ฉันกลัวว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าอนาคตฉันจะต้องร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าจากนี้ไปฉันจะต้องร้องไห้
ร้องไห้
ร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าอนาคตฉันจะต้องร้องไห้
ใช่ ฉันกลัวว่าจากนี้ไปฉันจะต้องร้องไห้
ร้องไห้
Comments are off this post